สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
โจ้ ปี 4 คณะรัฐศาสตร์ สาขาการเมืองการปกครอง
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.)
อย่างแรกคือ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นหน่วยงานในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นราชการ ส่วนกลาง ซึ่งตัว สลค. เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับเอานโยบายแต่ละกระทรวง มารวมกันอยู่ที่ สลค. เพื่อที่จะวิเคราะห์และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป เพื่อออกมาเป็นนโยบายในการบริหารราชการ
ด้วยความที่เราเรียนปกครอง แล้วก็ตัวเราค่อนข้างที่จะศึกษาเกี่ยวกับการบริหารราชการของรัฐบาลกลางเป็นส่วนใหญ่ ก็เลยทำให้สนใจว่าถ้าเราจะฝึกงานสิ่งที่เราสนใจ คือ นโยบายจากรัฐบาลกลาง และที่ที่จะตอบโจทย์เรามากที่สุดก็คือ สลค. เพราะนอกจากจะมีการประสานงานกับทางรัฐบาลกลาง รัฐสภาแล้ว อีกส่วน หนึ่งที่ต้องมีการประสานก็คือ สำนักพระราชวัง ในการประสานงานระหว่างรัฐบาลในการนำเรื่องเอกสารหรือเรื่องใด ๆ ไปถวายให้ลงพระปรมาภิไธย ก็ต้องผ่าน สลค. ก็เท่ากับว่าเราได้เห็นการทำงานของรัฐสภา การทำงานของแต่ละกระทรวง รวมถึงการดำเนินเรื่องทั้งหลายทั้งปวง กระบวนการขึ้นสู่กระบวนการในการลงพระปรมาภิไธยต่อไปด้วย ก็จะเห็นทั้งหมดเลยในภาพรวม
ใช่ครับ เป็นของคณะเลย ปกติคณะจะมีโควตาให้ทาง สลค. 3 คนต่อปี
คือก่อนหน้าที่จะลงชื่อกัน คณะก็จะขอเอกสารของเราก็จะเป็นใบสมัครฝึกงานและใบ transcript ซึ่ง อันนี้ทุกคนจำเป็นต้องส่งอยู่แล้ว แล้วพอเราลงชื่อกับทางคณะเสร็จ พอเราได้รับการยืนยันว่าเราสามารถไป ฝึกงานที่นี่ได้ เขาก็จะขอเอกสารเราเพิ่ม เป็นรูปถ่าย transcript เพิ่ม แล้วก็มีเอกสารข้อมูลส่วนตัวเพราะเขาต้องเอาประวัติของเราไปตรวจสอบว่าเรามีประวัติอะไรไหม
อย่างสำคัญที่เราคิดว่าการไปฝึกงาน สลค. ควรจะมีคือ ต้องเป็นคนละเอียดรอบคอบ เพราะว่างานส่วนใหญ่ที่นักศึกษาฝึกงานที่ สลค. จะได้รับมอบหมายมาจะเป็นการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร ซึ่งเอกสารทั้งหมดที่ออกไปมันสำคัญมาก เพราะเป็นเอกสารนโยบายของรัฐ การตรวจเอกสารหรือการทำเอกสาร ใด ๆ ก็แล้วแต่ต่อให้เพียงแค่เป็นการสะกดผิดหรือเว้นวรรคผิดก็ถือเป็นเรื่องค่อนข้างใหญ่พอสมควร เพราะนอกจากจะมีการประสานระหว่างกระทรวง ประสานระหว่างส่วนราชการแล้ว ก็ต้องประสานกับส่วนราชการในพระองค์ รวมถึงการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งเป็นหน้าที่ของ สลค. เช่นกัน
อย่างนึงเลยที่พี่ที่ฝึกงานกับเราพูดกับเรา คือ “น้องต้องเข้าใจอย่างนึงนะว่าการฝึกงานที่ สลค. ไม่ลับ ก็ลับที่สุดและด่วนที่สุดทุกอัน” อันไหนที่เป็นชั้นความลับเยอะ ๆ เขาก็ไม่ได้ให้เราทำ แต่ว่าอันที่ไม่ได้กำหนดชั้นความลับก็จะสามารถให้เราทำได้
สลค. ไม่มีการอบรมนักศึกษาฝึกงาน แต่ว่าการฝึกงานที่ สลค. ไม่ได้อยู่ที่กองใดกองหนึ่งตลอด ระยะเวลา 2 เดือน จะมีการสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนระหว่างกอง ซึ่งหลัก ๆ ก็จะมี 3 กอง
1. สำนักงานเลขาธิการ
2. กองวิเคราะห์เรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี
3. กองอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์
นักศึกษาฝึกงานจะต้องหมุนเวียนกันไปใน 3 กองนี้
ในสามกองก็จะมีลักษณะการทำงานต่างกัน ซึ่งพี่เลี้ยงแต่ละคนที่เราไปอยู่ก็จะเป็นคนแนะนำว่าเราจะสลับสับเปลี่ยนการทำงานยังไง การวางตัวยังไง แล้วในแต่ละกองที่เราไปต่อให้เป็นระยะเวลาแค่ 3 อาทิตย์ บางกองก็จะให้เราเวียนกลุ่มงานในกองด้วยเช่นกัน ก็จะมีพี่เลี้ยงหลายคนมากสำหรับพี่
มันแล้วแต่กองที่เราไปว่าเราได้อยู่กองไหน อย่างเช่นเรา เราได้ไปกองการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่ง ในช่วงที่เราไปเป็นช่วงรัฐบาลรักษาการ โดยปกติกองการประชุมจะทำหน้าที่ในการดูแลเอกสารแทบทุกอย่าง ในการประชุมคณะรัฐมนตรี แต่ว่าในช่วงที่เราไปเป็นรัฐบาลรักษาการ ก็ทำให้ไม่สามารถพิจารณาเรื่องอะไรได้ มาก บางครั้งที่เราไปมันก็อาจทำให้รู้สึกแอบน้อยใจว่ามันไม่มีอะไรทำ แต่จริง ๆ มันก็มี เราจะต้องเรียงเอกสาร ตรวจความถูกต้องเอกสาร เพราะมันผิดไม่ได้ มันคือเอกสารที่กำลังจะเอาเข้าไปให้คณะรัฐมนตรีพิจารณากัน แล้วจะออกมาเป็นนโยบายที่จะใช้ต่อไปกับประชาชนหลาย ๆ คน การที่เรามานั่งอยู่ตรงนี้ก็เป็น เหมือนการตรวจสอบอีกครั้งว่า กระทรวงมีเอกสารอะไรบ้าง จัดเรียงเอกสารถูกมั้ย สรุปที่สรุปมาให้สามารถอ่านแล้วเข้าใจได้รึเปล่า เป็นต้น นี่ก็คือกองการประชุม ก็ทำให้เราได้กระบวนการขั้นตอนในการจัดประชุมคณะรัฐมนตรี ทำให้เห็นว่าใครสามารถเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีได้บ้าง แต่ละคนนั่งตรงไหนอะไร ยังไง ในห้องเตรียมอะไรบ้าง เอกสารที่จะเข้าในห้องอันไหนสามารถแจกได้เลย อันไหนแจกแล้วต้องเก็บคืน มา กระบวนการในการรับเอกสารด่วนที่เข้ามาในวันนั้นเลยมันเป็นยังไง มันวุ่นวายแค่ไหน รวมถึงว่า เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติออกมาแล้ว เราก็ต้องมาสรุปมติเพื่อแจ้งต่อไปว่า คณะรัฐมนตรีวันนี้มีมติเรื่องนี้เราก็คอยตรวจสอบความถูกต้องอีกทีนึงก่อนที่จะเผยแพร่ต่อไป
ในขณะที่กองวิเคราะห์เรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเป็นเหมือนด่านแรกในการรับเรื่องจากแต่ละกระทรวงกองนี้ก็จะได้รับงานให้วิเคราะห์เรื่องที่เสนอเข้ามาว่าเนื้อหาสาระสำคัญมันเป็นยังไง เรื่องเดิมก่อนหน้านี้เป็นยังไง มีข้อกฎหมายข้อไหนเกี่ยวข้อง แล้ว สลค. มีความเห็นยังไง อยากจะให้ครม. มีมติไปในทิศทางไหน เราก็สามารถเสนอลงไปได้ว่าควรเป็นไปตามนี้ แล้วก็จะเป็นหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีว่าจะให้เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบตามที่เราเสนอขึ้นไป
อีกอันนึงที่สำคัญที่นักศึกษาฝึกงานทุกคนต้องไปก็คือ กองอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชื่อก็บอกอยู่แล้วคือ อาลักษณ์ กองนี้การทำงานส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการประสานงานกับส่วนราชการในพระองค์ที่เรารับเรื่องที่จำเป็นจะต้องขอพระปรมาภิไธยของพระเจ้าอยู่หัว หรือเป็นการที่จะต้องกราบบังคม ทูลให้ทรงทราบ ก็ต้องผ่านมาที่กองอาลักษณ์ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับราชการเสมอไป การขึ้นยศ การพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หรือการขอพระราชทานอภัยโทษ ก็จะอยู่ที่กองอาลักษณ์ เป็นการทำงานในส่วนนี้ รวมถึงทำราชการกิจจานุเบกษาที่เป็นหนังสือรวบรวมประกาศ กำหนด กฎหมายทั้งหมด ก็ เป็นหน้าที่ของกองอาลักษณ์ มีส่วนงานของราชกิจจานุเบกษาในการทำเอกสารแล้วก็เผยแพร่ลงในเว็บไซต์
จริง ๆ การเวียนหลาย ๆ ฝ่ายก็มีข้อดีของมัน เราไม่ได้เรียนรู้แค่เฉพาะกองใดกองหนึ่ง หมายความ ว่าถ้าในอนาคตเราได้มาทำงานกับ สลค. เราก็สามารถลงได้ทุกกองเลย เพราะว่าในแต่ละกองก็จะมีความแตกต่างกันไป แต่เราก็ผ่านมาแล้ว เราก็สามารถไปทำงานกับทุก ๆ กองได้ แต่มันจะมีข้อเสียก็คือ เราอยู่กองนี้แค่ 3 อาทิตย์ หรือเวียนกลุ่มงานแค่อาทิตย์เดียว สามวัน ก็ทำให้เรียนรู้ได้ไม่เต็มที่ แต่ก็ได้เรียนรู้งานคร่าว ๆ ว่าตัวเนื้องานมันเป็นยังไง
ในองค์กรของ สลค. เป็นองค์กรที่น่าสนใจคือ เขาไม่ได้สนใจว่าคุณเรียนจบจากที่ไหน สนใจแค่ว่า คุณ เข้ามาใน สลค. คุณคือเจ้าหน้าที่ของ สลค. หน้าที่ของคุณคือการทำงานใน สลค. ดังนั้นก็เลยไม่แปลกใจเลยว่า ทำงานอยู่คนละกองกันแต่ก็เข้ามาสนิทกันข้ามกอง อยู่คนละตึกก็สนิทกันได้ ผู้คนก็อัธยาศัยดี
ด้วยความที่เราเป็นนักศึกษาฝึกงาน ความผิดพลาดในการทำงานก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ เขาก็จะเดินเข้ามาแล้วก็บอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างงี้ เราควรจะแก้ไขยังไง หรือว่าแนวทางที่เราเสนอขึ้นไปมันยังไม่ถูกต้องนะ ควรจะแก้ไขยังไง แล้วเขาก็จะเอาตัวอย่างให้เราดู เราก็จะสามารถเรียนรู้ว่า เราควรทำยังไง งานต่อ ๆ ไปเราก็สามารถทำได้ และตอนฝึกงานกองวิเคราะห์ ต่อให้เขาแบ่งกลุ่มงานอะไรก็ตาม แต่ถ้าอยู่ในกองเดียวกัน ก็สามารถขอความเห็นข้ามกลุ่มงานกันได้ แม้ว่าอยู่คนละกลุ่มกัน พี่ ๆ ก็ใจดี คอยให้ความช่วยเหลือ ค่อนข้าง nice
อุปสรรคหลัก ๆ คือ สลค. ตั้งอยู่ในทำเนียบรัฐบาล ใจกลางกรุงเทพ รถก็ค่อนข้างติด ก็ต้องวาง แผนการเดินทางดี ๆ ถ้าใครมีที่พักอยู่ไกลก็อาจจะต้องวางแผนดี ๆ ว่าทำยังไงให้มาเข้างานทันตอน 8 โมง ครึ่ง เราเป็นนักศึกษาฝึกงานก็เข้างานตอน 8 โมงครึ่งแล้วก็ทำงานถึง 4 โมงครึ่ง แต่เจ้าหน้าที่หลายคนที่บ้าน อยู่ไกลก็เลือกเข้างานตอน 7 โมงครึ่งถึงบ่าย 3 ครึ่ง หรือ 9 โมงครึ่งถึง 5 โมงครึ่ง บางคนก็มา 7 โมง
อย่างของเรา เราไปเช่าที่พักหารกันอยู่กับเพื่อน 2 คน มันก็ไม่ได้กว้างเท่ากับที่เราอยู่รังสิต แต่มันก็เหมาะสมกับการฝึกงาน 2 เดือน ก็เดือนละ 9,000 บาท ไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ ที่พักแถว ๆ นั้น ราคานี้ก็กลาง ๆ มีถูกกว่านี้ มีแพงกว่านี้ อยู่แถว ๆ สะพานพระราม 8 แล้วก็ด้วยความที่อยู่ห่างทำเนียบ 2 กิโล วันไหนที่เรามีเวลาพอก็เดินเอา ส่วนใหญ่ก็จะเดินขากลับ ส่วนขาไปก็จะมีวินมอเตอร์ไซค์ใกล้ ๆ ก็เรียกเขาไป 30 บาท 2
กิโลที่เดินเท้า ถ้าเทียบกับในมหาวิทยาลัยก็คงจะประมาณ J Park เดินตรงมาเรื่อย ๆ ที่หอสมุดป๋วย แล้วในทำเนียบมีโรงอาหารอยู่แล้ว เราก็ไปกินข้าวเช้า ข้าวเที่ยงที่นั่นได้เลย ราคาค่าอาหารก็ถือว่าไม่แพง ต่อจานก็ไม่เกิน 50 บาท แต่บางวันพี่ที่ทำงานด้วยก็พาไปกินข้าวข้างนอก
สองเดือนที่ไปฝึกงานเราได้อะไรมาเยอะมากเลยนะ เพราะว่ามันคือทักษะในการทำงานในอนาคตและหลาย ๆ ทักษะที่เราได้จากที่ฝึกงานเราสามารถเอามาใช้กับการเรียนก็ได้ในปีสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างองค์กร โครงสร้างระบบราชการ หรือไม่ว่าจะเป็นเทคนิคในการจัดหน้ากระดาษที่เอามาทำรายงานส่งอาจารย์ หรือเปเปอร์ส่งอาจารย์ เราก็สามารถนำเทคนิคในสามส่วนนี้มาทำได้ ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนตัวอักษรให้เล็กลงหรือว่าการกั้นหน้ากันหลังให้มันดีขึ้น อ่านง่ายขึ้น และก็อีกอย่างนึงคือมันเหมือนเปลี่ยนตารางชีวิตเรา จาก เดิมที่แบบเราทำอะไรไม่ค่อยเป็นเวลา แต่พอเรามาฝึกงานเหมือนว่าเราใช้ชีวิตอยู่แบบนี้สองเดือน มันทำให้ทุกวันนี้เราสามารถใช้ชีวิตได้เป็นระบบระเบียบมากขึ้นกว่าเดิมได้ดี และมันก็เป็นผลดีต่อการเรียนต่อด้วยว่าเราแบ่งเวลาได้ดีมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น มีเวลาในการทำงานมากขึ้นและก็เป็นคนที่รอบคอบมากขึ้น ทำอะไรเราคิดมากขึ้น อีกอย่างที่น่าจะได้มาจากการไปฝึกงานเลยคือ เราได้รู้จักคน เพราะว่าการที่เราไปฝึกงาน มันไม่ได้มีแต่ของธรรมศาสตร์อย่างเดียวที่ไปฝึก ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนในสาขาเดียวกันที่ไปฝึกที่เดียวกัน หรือว่าหน่วยงานอื่น ๆ ที่อยู่ในรั้วเดียวกัน เราก็ได้เจอกันเราก็ได้พูดคุยกันมากขึ้น ได้เจอเพื่อนมหาลัยอื่นก็มี เราอาจจะกลับมาเจอกัน แล้วก็ได้ร่วมงานกันในอนาคต
หลังจากฝึกงานเราทุกคนต้องทำรายงานส่งคณะ เพราะว่ามันเป็นคะแนนของเราห้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่อีกห้าสิบจะเป็นการประเมินจากที่ทำงานของเรา ซึ่งการเขียนรายงานมันก็เหมือนการสรุปว่าเราเลือกฝึกที่นี่ ข้อมูลของที่ฝึกงานเป็นยังไง เราได้อะไรจากการฝึกงานนั้นบ้าง ก็ไม่ซีเรียสไม่ต้องเยอะมากก็ได้
หลังจากฝึกงานเราจะได้เป็นหนังสือรับรองจากสำนักงานว่าเราผ่านการฝึกงานจากกองไหนมาบ้าง ผลการฝึกงานของเราดีไหม เป็นยังไงบ้าง ส่งกลับมา เราก็สามารถเอาใบนี้เป็นใบรับรองเวลาสมัครงานได้
วิชา PO420 กับวิชา PO312 ซึ่งมันจะเป็นวิชาเกี่ยวกับกฎหมายปกครองกฎหมายมหาชน ค่อนข้างเหมาะกับการทำงานในระบบราชการและก็อีกตัวนึงคือ PO438 ที่ว่าเป็นหลักและระเบียบราชการที่เราสามารถเอามาใช้ได้ โดยเฉพาะคนที่ทำงานราชการ วางแผนในการทำงานราชการ อีกตัวนึงที่คิดว่าเอามาใช้ได้ เฉพาะงานที่เราไปจะเป็น PO380 PO309 ที่ว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจพวกนี้เราก็ต้องใช้ส่วนนี้ในการวิเคราะห์เหมือนกัน
ออกตัวก่อนว่าที่เราทำในกองวิเคราะห์เราเรียนสาขาการปกครองนะ แต่ว่ากลุ่มงานที่เราได้รับมอบหมายให้ทำคือกลุ่มงานต่างประเทศ มันอาจจะดูไม่ตรงสายแต่ว่าหลาย ๆ เรื่องที่เขาส่งมาให้เราช่วยตรวจช่วยดู ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานร่างแถลงการณ์หรืออะไรก็แล้วแต่ มันก็ทำให้เราได้เห็นว่านอกจากตัวความรู้ในส่วนของกฎหมายที่มันเกี่ยวข้อง อีกอย่างที่เห็นคือ ในเรื่องประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็มีความสำคัญเหมือนกัน เพราะว่าต่อให้เราไม่รู้เรื่องประเด็นต่างประเทศ ก็มีหลาย ๆ วิชาที่พูดถึงองค์กรระหว่างประเทศว่า มีจุดยืนยังไงมีลักษณะเป็นอย่างไร แล้วพอเรามาทำจริง ๆ เราก็เหมือนเห็นว่าองค์กรนี้จุดยืน ณ เวลานี้เป็นยังไง อนาคตขององค์กรนี้จะเป็นไปในทิศทางไหน แล้วไทยในบริบทสังคมและการเมืองในปัจจุบันจะอยู่ในจุดไหน
มันมีนะ การที่เสนอความคิดของนักวิเคราะห์ของกองวิเคราะห์เลย ก็คือพอเราได้รับเลือกมาให้ทำความเห็น เราก็สามารถรวบรวมความเห็นจากแต่ละกระทรวงว่ากระทรวงนั้นกระทรวงนี้มีความเห็นอย่างไร แล้วก็สรุปความเห็นทั้งหมดเอามารวมเป็นว่าเรามีความคิดเห็นแบบนี้ ๆ แต่เป็นในนามของ สลค. ว่า สลค. เห็นสมควรให้ความเห็นอนุมัติหรือเห็นชอบนี้ ๆ เป็นต้น ซึ่งเราสามารถใส่ความคิดเห็นของเราได้ แล้วเราก็จะมี
พี่ที่เป็นนักวิเคราะห์ที่สามารถช่วยเราดูได้ ถ้าความเห็นผ่าน ผอ. ให้อนุมัติ ก็สามารถเสนอคณะรัฐมนตรีได้ ซึ่งถ้าได้อนุมัติมาก็อาจจะเป็นความภาคภูมิใจของเราว่าเราได้มีส่วนกับเรื่องนี้
คืออย่างเราถามว่าสนใจทำงานที่นี่ต่อไหมมันก็สนใจนะ มันดูเป็นหน่วยงานที่สามารถใช้ความรู้ที่เราเรียนมาในการไปทำเป็นนโยบายเพื่อตอบสนองทั้งประชาชนและภาครัฐ เราไม่ค่อยสนใจไปทำงานในภาคเอกชนอยู่แล้วถึงจะมีเรื่องของมีรายได้มากกว่าราชการ แต่เราก็เล็งไว้แล้วว่าถ้าได้ราชการก็คงดีสำหรับเราในมุมเรา
มีข้อแนะนำหรือข้อระมัดระวังสำหรับคนที่จะมาฝึกที่นี่
การฝึกงานที่ สลค. ก็จะมีข้อดีหลาย ๆ เรื่องเลยคือ ได้เห็นภาพรวมการทำงานของราชการ และก็ของรัฐบาลว่าเป็นยังไง นโยบายแต่ละเรื่องเป็นยังไง เราสามารถใช้ความรู้ตลอดสามปีมาประยุกต์ใช้ในการทำงานได้เลย แล้วก็ข้อควรระวังเลย ด้วยความที่ว่าเป็นส่วนกลางราชการที่ทำงานเกี่ยวข้องกับคณะรัฐมนตรีและก็คณะรัฐบาลเราต้องระมัดระวังเรื่อง การรักษาความลับ เพราะนอกจากหน่วยงานของเราแล้วเขาก็มีนักข่าวประจำทำเนียบมีหลาย ๆ คนที่อยู่ในทำเนียบ เราคุยกับเขาได้แต่ก็ไม่ควรที่จะไปเผยแพร่เรื่องที่ยังไม่ผ่านการพิจารณาเป็นทางการ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากถ้ามีหลุดออกไป