สมาคมแอมเนสตี้แห่งประเทศไทย
สมาคมแอมเนสตี้แห่งประเทศไทย
ยาหยี คณะรัฐศาสตร์ สาขาการเมืองการปกครอง ปี 4
สมาคมแอมเนสตี้แห่งประเทศไทย
เหตุผลแรกเลย คือ เราสนใจการทำงานด้านสิทธิมนุษยชนมานานแล้ว แล้วเราก็เห็นชื่อองค์กรผ่านหูผ่านตามาหลายอย่างโดยเฉพาะในช่วงการเมืองไทยปี 2563 เราก็เลยเอาล่ะไหน ๆ ก็ไหน ๆ ลองดูสักครั้ง
การเตรียมตัวของเราไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษนะแต่หลักๆก็ไปหาข้อมูลขององค์กรมาดูเป็นข้อมูลเพราะว่าองค์กรเป็น NGO ก็เลยไม่ได้มีการสอบวัดระดับอะไรเรายื่น resume ของเราไปใส่ข้อมูลให้ได้มากที่สุดประสบการณ์เล็กน้อยขนาดไหนก็ลองใส่ไปก่อนจำเป็นต้องมีจดหมายแนะนำตัวด้วยเราก็เขียนถึงความชอบความสนใจในเรื่องสิทธิมนุษยชนเข้าไปแล้วสุดท้ายก็รอให้มีการโทรเรียกมาสัมภาษณ์นี่แหละ
ฝ่ายที่เราเลือกคือฝ่ายสมาชิกและการระดมทุนเพราะฉะนั้นเราเลยต้องดูเรื่องการระดมทุนองค์กรเป็นหลักหรือว่าองค์กรนี้นอกจากบริจาคแล้วยังมีช่องทางขายของนะเรามีประสบการณ์ด้านการทำออนไลน์ Content มาบ้างตอนสัมภาษณ์เลยผ่านไปได้
หลัก ๆ เลย คือ ติดต่อทางอีเมลค่ะ แนะนำให้ลองเข้าไปดูในหน้าเว็บไซต์ของแอมเนสตี้ โดยตรงเลย ส่วนเรื่องการติดต่อทางคณะก็มีการติดต่อเช่นเรื่องเอกสารส่วนตัวเราคิดว่าไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษค่ะแต่ทางแอมเนสตี้บังคับฝึก 3 เดือนเต็ม ทางคณะออกหนังสือให้ได้เท่าที่กำหนดเท่านั้นส่วนตัวคือทางแอมเนสตี้ใจดีค่ะ คุยง่าย
มีค่ะ สำนักงานแอมเนสตี้ อยู่ที่ลาดพร้าว เราเป็นคนนั่งรถไปกลับจากมหาวิทยาลัยไม่ไหวเลยขออยู่แต่ทางองค์กรจะมีเงินสนับสนุนค่าหอพักให้พวกค่าใช้จ่ายของกินของใช้ก็ปกติแต่เราว่าแพงอยู่นะเพราะอยู่กลางเมืองมื้อนึงก็ 50-60 บาทขึ้นไป ส่วนถ้าต้องเดินทางไปทำงานสามารถเบิกค่าเดินทางได้ค่ะ
หลัก ๆ เลยหน้าที่เรา คือ การดูแลงาน merchandising ขององค์กรและดูแลเพจ Social Media สารภาพตามตรงว่าไม่ถนัดเท่าไหร่แต่พอลองทำแล้วก็สนุกดี เราคิดว่างานนี้นำไปต่อยอดได้ในหลายสาขาอาชีพก็เลยยินดีทำนู่นทำนี่ อีกอย่างที่เราทำทีมงานสมาชิกในช่วงที่เราฝึกงานเดือนมีนาคมเป็นช่วงที่องค์กรจัดงานประชุมประจำปีพอดีก็เลยได้เข้าไปช่วยในส่วนนี้ด้วยถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีค่ะได้พบเครือข่ายนักเคลื่อนไหวในประเทศไทยและได้รับฟังแลกเปลี่ยน
ถ้าใครไม่สนใจทำงานด้านนี้ ฝ่ายอื่นก็มีการทำงานหลากหลายนะคะ จากที่เราสังเกตดู เช่น ฝ่ายห้องเรียนสิทธิ จะมีการลงพื้นที่เข้าสอนเรื่องสิทธิมนุษยชนในห้องเรียนต่าง ๆ พบปะเครือข่ายแอมเนสตี้ทั่วไทย หรือฝ่ายนโยบายที่อาจจะทำงานด้านวิชาการหรือต้องใช้กฎหมายเยอะ ทั้งสองฝ่ายนี้ก็น่าสนใจค่ะ
และก็พี่ที่ทำงานทุกคนน่ารักมากเลยค่ะ องค์กรแอมเนสตี้ประเทศไทยมีคนน้อยกว่าที่เราคิดไว้เยอะมาก แต่ทุกคนใจดีสุด ๆ งานแต่ละคนยุ่งไปหมด แต่ก็ช่วยเหลือกันตลอดเวลา
อย่างที่กล่างไปว่าหลัก ๆ คือการดูแลโซเชียลมีเดีย เราก็ได้ประสบการณ์ในเชิงนั้น ดูแลเรื่องการสื่อสาร ที่สำคัญสำหรับเราคือการออกแบบผลิตภัณฑ์ ระดมความคิดไอเดียสินค้าต่าง ๆ ซึ่งมันไม่ได้ตรงกับคณะที่เราเรียนมาหรอก แต่สำหรับเรา เราว่ามันไม่ได้แย่ค่ะ (ฮา) เราไม่ใช่คนที่ชอบการค้นหาข้อมูลขนาดนั้น ได้ลองสายงานหลาย ๆ แบบก็สนุกดี
ประสบการณ์บอกไปแล้ว ได้พบปะนักเคลื่อนไหวหลายคน ได้ฟังเรื่องราวของการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการดำเนินการต่อสู้เยอะมาก เราคิดว่ามันช่วยทำให้เราเห็นภาพสังคมการเมืองไทยและกลุ่มต่อต้านได้ชัดเจนขึ้นเยอะ
เงินเดือน ทางแอมเนสตี้มีให้ค่ะ มีค่าหอพักและค่าโทรศัพท์ด้วย อื่น ๆ ก็มีสวัสดิการนวดและฝังเข็ม เราไม่ได้ใช้ แต่น่าสนใจดี
สนใจค่ะ อย่างที่พูดไปว่าเราสนใจการทำงานด้านสิทธิมนุษยชนมานานแล้ว และพอได้ทำงานร่วมกับองค์กรด้านนี้ก็ยิ่งสนใจมากไปอีก ส่วนตัวไม่ชอบความอึดอัดของงานราชการ และงานเอกชนเองก็ไม่ใช่แนว ถ้าเป็นโลกในอุดมคติที่ไม่มีเรื่องเงินมาเกี่ยวก็คงทำงานด้านนี้อย่างไม่ลังเลเลยค่ะ