ที่ว่าการอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
ที่ว่าการอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
ไข่มุก ปี 4 คณะรัฐศาสตร์ สาขาการเมืองการปกครอง
ฝึกงานที่ที่ว่าการอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี สนใจฝึกงานที่อำเภอเพราะรู้สึกว่ามันก็เป็นเรื่องใกล้ตัวเรา หลาย ๆ คนมองข้ามเวลาเราเกิด เราก็ต้องไปแจ้งเกิดที่อำเภอ หรือว่าจนกระทั่งเราตายก็ต้องไปแจ้งเสียชีวิตที่อำาเภอ อะไรอย่างงี้ เราเลยอยากเข้าไปเรียนรู้ระบบการทํางาน เพื่อจะเข้าใจปัญหาของระบบราชการ
จริง ๆ แล้วฝึกที่อำเภอไม่มีการทําเรซูเม่หรือการเตรียมตัวสอบอะไรใด ๆ สิ่งที่ทําคือ เดินขึ้นไปที่อำเภอแล้วก็เข้าไปถามว่า “จะมาแจ้งฝึกงานค่ะ จะต้องมีเอกสารอะไรบ้าง จะต้องแจ้งหน่วยไหนบ้าง” เขาจะให้ไปติดต่อกับห้องเสมียน ซึ่งห้องเสมียนก็จะบอกเราว่า เขาจะต้องการหนังสือส่งมอบตัวจากทางมหาวิทยาลัยให้ทางมหาวิทยาลัยส่งหนังสือมาให้เขาโดยที่หนังสือนี้เราต้องเป็นคนไปรับเองก่อนที่จะเริ่มฝึกงาน 1 วัน แล้วก็มาที่ฝึกงาน เราก็จะต้องเอาหนังสือเล่มนี้มายื่นให้กับทางอำเภอว่า เรามาฝึกงานตามมหาวิทยาลัยนี้ มีความประสงค์ดังนี้ โดยที่เรื่องนี้พี่ชั้น 2 จะเป็นคนจัดการให้
(ละเอียดขึ้น) เราไปติดต่ออำเภอก่อนแล้วก็ไปติดต่อพี่ชั้น 2 ว่าเราต้องการแบบนี้ เราต้องการเอกสารดังนี้ ตามที่อำเภอได้จดมาให้เราแล้ว ต้องทำอะไรบ้าง? ก็ต้องเขียนใบคำร้องของคณะ ว่าเรามีความประสงค์ที่จะไปฝึกงานที่นี่ ต้องการเอกสารดังนี้ แล้วทางคณะหรือทางชั้น 2 ก็จะไปติดต่อให้ แล้วก็อีกเรื่องคือ เวลาติดต่อชั้น 2 เราสามารถเดินขึ้นไปพูดกับชั้น 2 ได้เลย หรือว่าจะติดต่อทาง MS Team ก็ได้ โดยที่ MS Team ห้องนี้ทางชั้น 2 ก็เป็นคนสร้างให้
ไม่มีค่ะ ไม่ได้ request (คำเรียกร้อง ขอร้อง) เกรดขั้นต่ำหรือว่าอะไรใด ๆ แต่ในช่วงแรกเขาจะถามเราว่า มีส่วนไหนหรือภาคไหนที่เราสนใจเป็นพิเศษไหม ถ้าไม่มี เขาก็จะสามารถให้เราไปฝึกในที่ที่คนขาดหรือว่าเราสามารถ request ได้ว่า อาทิตย์นี้ฝึกประชาสัมพันธ์แล้ว อาทิตย์หน้าสามารถไปฝึกฝ่ายปกครองได้ไหม ถือว่าเป็นการเพิ่มทักษะ ซึ่งส่วนใหญ่หลาย ๆ ฝ่ายก็ทำหน้าที่ประสานงานกันอยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้เป็นปัญหามาก
เอกสารจากทางอำเภอก็จะมี 2 รอบ คือ หนังสือส่งมอบตัวไปให้ (ส่งมอบตัวเราไปฝึกงาน) แล้วทางอำเภอก็จะตอบกลับ ซึ่งตรงนี้เราเป็นคนทำหนังสือตอบกลับเอง เพราะทางอำเภอบอกว่า จะได้เรียนรู้วิธีการทำหนังสือราชการ การปั้มตราสิงห์ การเซ็นรับรอง
ใช่ค่ะ จริง ๆ แล้ว ทางคณะก็คือจะมีรายงานตามอาทิตย์ว่า อาทิตย์นี้เราทำอะไรไปบ้าง แล้วก็จะมีผู้กำกับการควบคุมดูแล หรือเรียกง่าย ๆ ว่า Trainer (พี่เลี้ยง) เราเป็นคนเซ็นกำกับว่าเราได้ทำงานนี้จริง แล้วสุดท้ายก็จะมีรายงานเป็นรูปเล่มว่าเราได้ทำงานที่นี่ เราได้อะไรบ้าง โดยที่รายงานประจำสัปดาห์ก็ต้องบอกว่าเราทำอะไรมาบ้าง
อย่างเราฝึกที่อำเภอ อาทิตย์นี้เราอยู่ฝ่ายนี้ก็เรียนรู้งานเกี่ยวกับประชาสัมพันธ์ ได้รับความรู้เพิ่มเติมว่าตอนนี้จดทะเบียนสมรสไม่ต้องยุ่งยากเหมือนเดิม ใช้แค่พยายสองคนแล้วก็บัตรประชาชน หรือการหย่าก็ใช้แค่ทะเบียนสมรสกับพยานสองคนเหมือนกัน แล้วก็ความแตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลาที่ฝึกงาน หรือการแจ้งเกิดต้องใช้อะไรบ้าง ก็เป็นความรู้ใหม่ของเราเหมือนกัน
ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะด้วยความที่อยู่ใกล้บ้าน ก็สามารถขับรถไปเอง ไม่มีค่าที่พัก เพราะอยู่ที่บ้าน ค่าข้าวพี่ที่ทำงานก็ใจดีเลี้ยงข้าว ช่วงที่เราจะต้องกลับมหาลัยก็มีการกินเลี้ยงกัน เป็นบรรยากาศที่ค่อนข้างอบอุ่นค่ะ
อ๋อ คือ ส่วนตัวใส่ไปวันแรกวันเดียวแล้วก็สามารถตกลงกับพี่ที่ทำงานว่าเราสามารถเปลี่ยนเป็นชุดสุภาพได้ไหมหรือเป็นชุดกีฬาที่สุภาพพี่ ๆ ที่ทำงานก็รู้สึกค่อนข้างโอเค แล้วก็ในตอนแรกเราก็เข้าใจว่าเขาจะเข้มงวดกับการแต่งกายมากกว่านี้แต่ว่าพอเราไปบอกเงื่อนไขของเราแล้วเขาก็โอเคไม่ได้มี Generation Gap เยอะขนาดนั้นแล้วหลาย ๆ คนก็ค่อนข้าง Open mind เปิดกว้างทางความคิดแล้วก็ช่วงนั้นเพิ่งเกิดการเลือกตั้งไปเราก็ค่อนข้างกังวลเรื่อง Political Thought มากเลยแบบว่าเขาจะ take side รุนแรงหรือไม่ แต่ว่าผลสุดท้ายเขาก็ค่อนข้างมี Political Thought ตรงกับเราแล้วคนที่ไม่ได้มี Political Thought เดียวกับเราก็ไม่ได้มาจู่โจมเรา อยู่กันได้อย่างสงบ กินข้าวกันได้ปกติ
ฝึกงานหลายแผนกไม่ว่าจะเป็น เสมียน ปกครอง สัสดี ประชาสัมพันธ์ ทำนู่นทำนี่ลักษณะงานค่อนข้างคล้ายกันแต่ส่วนตัวที่ชอบ คือ ทำบัตรประชาชนเพราะรู้สึกว่าได้เจอคนใหม่ ๆ ชอบนั่งฝ่ายประชาสัมพันธ์เพราะได้พบกับผู้คนได้เจอกับประชาชนมากขึ้นอย่างเรื่องของบัตรประชาชนทำที่เทศบาลได้ทำไมถึงเลือกมาทำที่อำเภออาจเป็นเพราะว่าที่อำเภอสะดวกกว่าแล้วก็เปิดรับมากกว่าที่เทศบาล ส่วนสิ่งที่ไม่ชอบก็เป็นเรื่องของการเดินส่งเอกสารที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ชอบงานที่ได้เจอคนเป็นหลัก
Generation Gap ก็เป็นอย่างหนึ่งที่เราค่อนข้างรู้สึกว่า อ๋อ เขาก็คิดแบบนี้ถ้าเราไม่ได้ทำงานตรงนี้เราก็ไม่รู้ว่าเขาคิดแบบนี้ จริง ๆ แล้วเขาก็ค่อนข้างเปิดรับความคิดเห็นของเราในระดับหนึ่งแล้วอีกอย่างที่ทำให้รู้ก็คือการทำงานของส่วนกลางกับส่วนภูมิภาคค่อนข้างสัมพันธ์กันสูงมากและส่วนกลางมีอิทธิพลกับส่วนภูมิภาคหนักมาก
ก็ได้ทำความเข้าใจได้ประสบการณ์ในการทำงานฝ่ายภูมิภาคว่าเขาทำงานยังไงบ้างเขากดดันหรือว่าระดับการทำงานที่พอจะทำได้มีอะไรบ้างทำให้เราเข้าใจเขามากขึ้นแต่ว่าเงินเดือนหรือค่าตอบแทนไม่ได้มี
มี workshop เรื่องของงานเอกสารการเขียนหนังสือราชการก็รู้สึกว่าค่อนข้างมีประโยชน์การใช้ word excel ก็รู้สึกว่าค่อนข้างมีประโยชน์เวลาเขียนเอกสารราชการที่ค่อนข้างเป็น Pattern เวลาเรามี basic ในเรื่องนี้ก็ทำให้เราทำงานได้ไวขึ้น
รู้สึกว่างานประชาสัมพันธ์ในระบบราชการต้องมีความอดทนสูงมีความใจเย็นค่อนข้างสูงทักษะการจัดการอารมณ์ต้องค่อนข้างจะเย็นเพราะต้องปฏิสัมพันธ์กับผู้คนหลากหลายและอาจจะมีความเข้าใจความคาดหวังที่ไม่ตรงกัน