ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อสันติภาพ กรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย
ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อสันติภาพ กรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย
ขิม ปี 4 คณะรัฐศาสตร์ สาขาการระหว่างประเทศ
ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อสันติภาพ กรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย
พอเราได้มาศึกษาเกี่ยวกับศูนย์ปฏิบัติการเพื่อสันติภาพ เขาทำงานร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศอย่าง UN เรื่องของการส่งกองกำลังสันติภาพเข้าไปในประเทศที่กำลังพัฒนา เราเห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะไปเรียนรู้ระบบราชการเองด้วย แล้วก็ไปเรียนรู้ในสิ่งที่เราสนใจอย่างองค์การระหว่างประเทศ
มีการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เข้าไปดูเรื่องทหารเด็ก (Child Soilder) ในนั้นด้วย แล้วก็ออกแบบหลักสูตรการเรียนการสอนให้ทหารใน ASEAN เข้ามาเรียน เหมือนกำลังจะทำ maintenance ให้ไทยเป็นศูนย์กลางในเอเชีย หรืออย่างน้อย ๆ ก็เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อย่างตอนนี้ Peacekeeping Operations - PKO ของไทยที่ส่งไปอยู่ในประเทศปากีสถาน อันนี้จะไม่ได้เป็นกลุ่ม แต่เป็นรายบุคคล ทหารสามารถสมัครแล้วส่ง CV หรือเรซูเม่ไปเองได้ ถ้าเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ในตอนนี้ที่เห็นเลยจะเป็น South Sudan
ติดต่อผ่านคณะ คณะจะมีใบเรซูเม่มาให้เรากรอกเหมือนของเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ และทางคณะจะเอาใบข้อมูลของเราไปยื่นให้หน่วยงานที่เขารับเราฝึกงาน ว่าจะอนุมัติให้เราฝึกไหม ไม่ได้มีการเตรียม CV หรือเรซูเม่ อะไรนอกเหนือจากนี้เป็นพิเศษ
เป็นโควตาของอาจารย์ในคณะ สามารถติดต่อบอกอาจารย์ได้เลยว่าเราสนใจนะ แล้วเขาก็จะประสานกับคณะ แล้วเราค่อยส่งรายชื่อและใบที่พี่บอกไปได้เลย แต่อันนี้เป็นอาจารย์เสนอมาให้ก่อนว่าทางหน่วยงานเปิดรับสมัคร สามารถไปสมัครได้ แต่ว่าถ้าเทอมนี้อาจารย์ยังไม่เสนอก็อาจจะลองถามอาจารย์ดู
ภาษา ในการติดต่อกับองค์การระหว่างประเทศ หน่วยงานด้านนอก ก็มีการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารเป็นหลัก เพราะว่าเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ที่เราติดต่อเป็นคนต่างชาติ เรื่องอื่นก็จะเป็นพิธีการทูต (Diplomatic Protocol) แต่เป็นการทูตแบบทหาร เขาจะมีอะไรที่ค่อนข้าง strict กว่าการทูตแบบพลเรือน พวกงานเลี้ยง เหมือนเป็นงานรื่นเริงแต่จริง ๆ จัดเพื่อการเจรจาต่อรองผลประโยชน์ ก็เลยต้องรู้ Protocol ตั้งแต่ไปรับที่สนามบินจนส่งเขากลับ
มีอบรมให้ก่อนเริ่มฝึกงานไหม ช่วงแรกเขาให้ทำอะไรบ้าง
มีเชิญทหารอีกกองนึง ลืมชื่อกองแต่กองที่ช่วยดูแลเรื่องของการรับแขก เขามา present ให้ฟัง มี present ตอนปิดท้าย ช่วงต้นไม่ทันจริง ๆ ไปฝึกงานวันแรก วันถัดมาต้องไปรับมาเลเซีย เขาเลยต้องบอกคร่าว ๆ ว่าจะทำแบบนี้ ๆ แต่เขาจะมี schedule มาให้ ว่าเวลาไหนทำอะไรบ้าง
ของพี่ยังไม่ได้ทำงานเอกสาร แต่จะมีพวกคิด project แบบเป็น beginner ของเขา เขาจะให้คิดหลักสูตรที่ relate กับ SDGs แล้วก็ sufficient economy เศรษฐกิจพอเพียง เขาให้ไปดูงานที่ สปช. แล้วให้เอามาคิดหลักสูตร แล้วเขาจะให้ทหารต่างประเทศมาเรียน แต่จะไม่ใช่หลักสูตรที่นักศึกษาคิดเพียว ๆ เขาจะเอาไปดัดแปลง adapt ของเขาอ่ะ ส่วนใหญ่จะไม่ให้จับงานเอกสารเท่าไหร่ เพราะว่ามันเป็นความลับทางราชการ
โปรแกรมที่ควรจะใช้เป็น
โปรแกรมทั่วไปที่คณะอบรมมา excel การเขียนหนังสือราชการ ตอนแรกที่พี่ไป เขาไม่รู้ว่าคณะอบรมมาให้ เขาก็เลยยังไม่ให้ทำ แต่ที่พี่ reflect ไปตอนท้าย เขาจะให้ present ประสบการณ์การฝึกงาน ก็บอกไปว่าอยากได้งานที่สามารถโชว์ความสามารถได้มากกว่านี้ เพราะว่าทางคณะให้อันนี้มา เรานึกว่าเขาทราบเลยไม่ได้บอก เขาคิดว่าถ้ามีโอกาสรับนักศึกษาฝึกงานรุ่นต่อไปก็จะให้ทำ
ค่าใช้จ่ายในการฝึกงาน
ทำงานอยู่ที่ศูนย์ใหญ่กองบัญชาการกองทัพไทย อยู่ในศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ มีค่าใช้จ่ายคือค่าหอพัก 2 เดือน แล้วก็ค่าเดินทางบ้าง ต้องเดินทางไปรับคณะผู้มาเยือนจากต่างประเทศ ต้องไปโรงแรมนู่นนี่ สนามบิน อันนี้ต้องเสียค่าเดินทางเอง มีตัวอย่างเพื่อนพี่อยู่ท่าพระจันทร์ อยู่ทางปิ่นเกล้า มาแจ้งวัฒนะ ต้องต่อ BTS ค่าแท็กซี่เอง ก็เสียวันละหลายร้อย ไม่ได้มีเงินเดือนให้นักศึกษาฝึกงาน เบิกค่าเดินทางไม่ได้ แต่บางครั้งที่ไปนอกสถานที่ก็จะมีค่ารถตู้ให้
ค่าหออยู่กับเมท เดือนละประมาณ 4,200 บาท ค่าอาหาร ถูกกว่ามหาลัยนิดหน่อย แถว ๆ หอมีร้านอาหารตามสั่ง ตลาด เดือนละไม่เกินหมื่น ตอนทำงานมีโรงอาหารของทหารในที่ฝึกงาน ช่วงแรก ๆ จะไม่ได้ทำบัตร ก็กรอกชื่อกินฟรีได้ เช้า กลางวัน เย็น เติมอาหารได้ ค่าอาหารในโรงอาหารถ้าไม่กินที่จัดให้ จะมีร้านขาย จานละ 30-40 บาท
หน้าที่ในการฝึกงาน
พิธีทางการทูต รับคณะผู้มาเยือน ส่วนใหญ่เขาจะให้เราเป็นผู้สังเกตการณ์การประชุม อาจจะมีการจดรายละเอียดบ้างว่าเขาคุยอะไรกัน แต่พอถึงเรื่องประเด็นสำคัญ เขาจะเชิญเราออกจากห้องประชุม หรือเป็นผู้สังเกตการณ์เวลาพาเขาออกนอกสถานที่ ไปพิพิธภัณฑ์หรือไปล่องเรือ เราก็จะไปด้วย อาจจะมีงานเขียนอีเมลตอบกลับสถานทูตอื่น ๆ บ้าง พาไป conference กับองค์กรอื่น ๆ สภากาชาด จัสแมกไทย (JUSMAGTHAI) ไปดูการประชุม เสนอแนวคิดต่าง ๆ เขาทรีทเราเหมือนพนักงานคนนึง ให้โอกาสในการแสดงความคิดเห็น
- งานพิธีการทูต : เหมือนพนักงานทางการทูต ไปรับที่สนามบิน รอที่ล็อบบี้โรงแรม อาจจะเป็นเหมือนเจ้าหน้าที่มากกว่า ไม่ได้ให้ทำรายละเอียด ไปดูหน้างานว่าเขาทำงานกันยังไงเป็น observe มากกว่า
- การแสดงความคิดเห็น : ทุกการประชุมที่นักศึกษา สามารถมีส่วนร่วมได้ ทำกับองค์กรนอกหน่วยงานด้วย เขาพาไปดูงานที่อื่นที่เขามีความร่วมมือด้วยเยอะอยู่ ในการประชุมเขาถามว่า คิดยังไง อยากเสริมอะไร มีคำถามอะไรหรือเปล่าจากที่เขา present มา
- บรรยากาศในที่ทำงาน : บรรยากาศฝึกงานค่อนข้างเป็นกันเอง ภายนอกมองเข้าไป เขาเป็นทหารจะ strict หรือเปล่า แต่ที่จริงก็ค่อนข้างผ่อนปรน ไม่ได้ strict ขนาดนั้น
ถ้าเราทำผิดพลาดในการทำงาน การรับมือของเขาจะเป็นยังไง
มีช่วงนึงพวกพี่ค่อนข้างเลท เขาก็ตักเตือน พูดให้รู้ อยู่ในสังคมการทำงานจริง ๆ จะให้ใครมารอก็ไม่ได้ ไม่ได้ลงโทษหนัก พูดให้เรารู้สึกได้ และอย่างตอนจะส่งอีเมลก็ต้องให้ผอ.ศูนย์ approve ก่อน เพราะส่งในนามองค์กร
พี่เลี้ยงเป็นยังไงบ้าง
มีพี่เลี้ยงให้โดยเฉพาะ ไปฝึกงานกันเป็นกลุ่ม 6 คน มีพี่เลี้ยงหลัก 2 คน เขาค่อนข้างสอนงาน มีห้องแยกให้นักศึกษาฝึกงาน ไม่ให้รวมกับเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ แล้วตอนที่ว่าง ไม่มีงานให้ทำ พี่เลี้ยงก็จะเข้ามาสอนงาน เช่น หลักการของ UN หลักการของการรักษาสันติภาพ ที่มันค่อนข้างดีกว่าในห้องเรียน เหมือนมาสอนความรู้ให้เราด้วย เหมือนอบรมเวลาเราว่างงานจากหน้าที่ที่เขามอบหมายให้
ประสบการณ์ในองค์กร ความรู้สึก ส่งผลต่อเราอย่างไรบ้าง
ประสบการณ์ก็จะเป็นพวกการทำงาน ความรู้สึกดีก็คือเขาทรีทเราดี ในหน่วยงานเขาก็จะมีเจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่เขาก็มีภาระงาน เราเข้าไปก็เป็นส่วนนึงของภาระงานเขาด้วย การที่พี่เลี้ยงสองคนต้องดูแลนักศึกษา 6 คน เป็นอะไรที่ค่อนข้างหนัก manage ยาก
วัฒนธรรมในองค์กร
ไม่ได้เป็น hierachy หรือชนชั้นขนาดนั้น เพราะว่าคนในองค์กรจบจากนอก อาจจะเป็นความคิดเด็กนอก เขามีความ independent ค่อนข้างสูง ไม่มี gap ทางความคิดมากกว่า ค่อนข้างเปิดให้เราคิด ไม่มีการ blame ทางด้านความคิด หรือทัศนคติทางการเมือง เขาก็ไม่ได้ก้าวก่ายเราเลย ต่างจากภาพลักษณ์ที่เราจำได้ เหมือนเขาพยายามจะ present ด้านนี้ให้เราดูด้วย ก็เลยออกมาเป็นในรูปวารสาร เราได้เขียนวารสารนี้ 6 คนช่วยกันเขียน เขียนถึงการทำงาน ว่าไปฝึกงานแล้วเจออะไรบ้าง โดยเขา assign มาให้เราเขียนเลย คิดว่าเป็นการ PR กองทัพไปในตัวในด้านของการมีนักศึกษาฝึกงานไป เราเป็นนักศึกษาฝึกงานแบบ official ของเขารุ่นแรกเลย เขาก็เลยอยากจะประชาสัมพันธ์
หลังผ่านการฝึกงานมาแล้ว วิชาไหนได้ใช้มากที่สุด
PO370 กับ PO371 (south east asia) อาจจะเป็นเพราะช่วงที่พี่ไป เป็นช่วงที่ south east asia เข้ามาโคงานกับศูนย์ที่ค่อนข้างเยอะ แต่ก็มีเมกาบ้าง มี UNSC ที่เกาหลี พวกประวัติศาสตร์สงครามอะไรแบบนี้ก็ควรรู้ไว้ อย่าง PO370 กองกำลังรักษาสันติภาพ มีความร่วมมือของไทยกับ US ที่มี cobra gold ที่ให้ทหารหลาย ๆ ประเทศมาฝึกกัน เป็นเรื่องของความทัดเทียมทางอาวุธ ส่วนวิชาอื่น ๆ ยังไม่มีแนะนำ หาอะไรที่เข้ากับลักษณะทางการทหารค่อนข้างยาก
ความช่วยเหลือจากคณะ
ความช่วยเหลือของคณะต่อนักศึกษา ตอนแรกเขาก็พยายามช่วยเหลือค่อนข้างมาก แต่มันก็อยู่ที่ตัวเราด้วย เราก็ต้องตามเขา เพราะการฝึกงานเป็นสิทธิของเราด้วย เราก็ต้องเตรียมพร้อม พวกใบผลการศึกษา เตรียมไว้ก็ดี เตรียมข้อมูล ทำเรซูเม่ไว้ตั้งแต่แรกก็ดี อาจจะไม่ต้องติดต่อกับคณะ ถ้าเรามีหน่วยงานไหนที่สนใจก็ติดต่อไปก่อนก็ได้ คิดว่าดำเนินงานไวกว่าผ่านทางคณะ
ระหว่างฝึกงานก็มีคุยกับอาจารย์ เขาก็ช่วยในระดับหนึ่ง พยายามถามถึงปัญหาว่าปัญหาที่เราเจออยู่มีไหม ถ้ามีแล้วเป็นยังไง สามารถแก้ไขได้มั้ย ถ้าแก้ไม่ได้ อาจารย์ก็จะพยายามเสนอวิธีการแก้ไขให้ แต่คณะก็ไม่ได้ติดต่อกับหน่วยงานต้นสังกัด ถ้าไม่ได้เป็นปัญหาที่ร้ายแรงจริง ๆ ส่วนตัวพี่ไม่ได้เจอปัญหาอะไร