คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม สำนักงาน ก.พ.
คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม สำนักงาน ก.พ.
แนต ปี 4 คณะรัฐศาสตร์ สาขาบริหารรัฐกิจ
สำนักพิทักษ์ระบบคุณธรรม ที่สำนักงานก.พ.
จริง ๆ ตอนแรกอยากฝึกเอกชน แต่ไม่ลงตัว เลยหาหน่วยงานรัฐจากลิสต์ของคณะซึ่งหน่วยงานแรกที่นึกถึง คือ สำนักงาน ก.พ. เพราะเป็นหน่วยงานที่มีนักเรียนทุนกลับมาใช้ทุนเยอะ เลยคิดว่าน่าจะเป็น หน่วยงานที่ทันสมัย มีแนวคิดเปิดกว้าง และหลากหลาย
สำนักงานก.พ. ไม่ได้เลือกเอง เขาจะเลือกมาให้ ไม่มีการเวียนฝ่าย เข้าไปตรงไหนก็ทำตรงนั้นไป แต่ถ้าเข้าไปทำแล้วรู้สึกไม่โอเค ก็เข้าไปคุยกับพี่ที่เขาดูแลเราตั้งแต่แรกได้ว่าขอย้ายสำนักได้มั้ย แต่ส่วนใหญ่เขาก็ไม่ย้ายกัน เพราะโอเคกับสำนักที่เราอยู่ ของสำนักงานก.พ. จริง ๆ เขาก็มีฟอร์มมาให้เลือกนะ ว่าแบบอยากทำเกี่ยวกับอะไร ต่างประเทศ กฎหมาย recruit แต่หน่วยงานจะเป็นคนพิจารณาว่าเราเหมาะสมที่จะฝึกกับหน่วยไหน
เป็นไปตามระบบของคณะ เพราะเป็นหน่วยงานที่คณะไปดีลกับสำนักงาน ก.พ. เอาไว้อยู่แล้ว ถ้าใครสนใจก็สามารถลงชื่อขอโควตาไปได้เลย แล้วก็รอเอกสารตอบรับว่ามีที่ฝึกแล้วนะ ยื่นกับคณะทีเดียวไม่มีการสัมภาษณ์ ให้คณะทำเอกสารให้หมดเลย เราแค่ลงชื่อ
ไปฝึกสำนักพิทักษ์ระบบคุณธรรม สำนักงาน ก.พ. มันเกี่ยวกับกฎหมาย ด้วยความที่เราเรียนรัฐศาสตร์มา เราก็ไม่ได้แตะกฎหมายอะไรเยอะ แล้วสำนักนี้เขาต้องพิจารณาคดี แต่นักศึกษาฝึกงานก็ไม่ได้เข้าไปยุ่ง ตรงที่เขาตัดสินคดีอะไรขนาดนั้น จะเป็นช่วยงานหลังบ้าน จัดวาระการประชุม คัดแยกสำนวนว่าเป็นของคำร้องทุกข์หรือคำอุทธรณ์ แล้วมาแยกคำร้องทุกข์ว่าฟังขึ้นหรือยกคำร้องทุกข์ สุดท้ายเราก็ต้องมาสรุปให้พี่เขาฟัง ว่าทำไมถึงฟังขึ้นหรือยกคำร้องทุกข์ ทักษะที่ได้มา ก็เป็นเรื่องของ small talk นิดนึง เพราะเราโดนแยกกับเพื่อนที่ไป ก.พ.ด้วยกัน ไปอยู่อีกสำนักนึงคนเดียว ไม่มีเพื่อนเลย แต่พอเข้าไปก็เจอเพื่อนที่อยู่มหาลัยอื่น เวลาฝึกงานก็ต้องคุยกับคน สมมติจะไปปริ้นงาน แล้วใช้เครื่องปริ้นไม่เป็น ก็ต้องถามหรือให้พี่เขาช่วย จะเงียบไม่ได้ แล้วก็ต้องใช้สกิลในการตัดสินใจอย่างมากว่าเราควรทำอย่างไรต่อจะพูดยังไงดี
สกิลในการอ่าน อ่านสรุปก็ช่วยอยู่นะ ฝึกสมาธิด้วย เรื่องภาษาอังกฤษหรือภาษาที่สาม : สำนักนี้เป็นของกฎหมายก็เลยจะไม่ค่อยได้ยุ่งกับภาษาอังกฤษเท่าไหร่ จะใช้เป็นภาษาไทยล้วน บางสำนักอย่างศูนย์การจัดการเกี่ยวกับนักเรียนทุน ก็ต้องยุ่งกับพวกของต่างประเทศ ก็อาจจะต้องใช้สกิลในการพูดภาษาอังกฤษบ้างในตอนไปสัมมนา
เห็นว่าต้องอ่านกฎหมาย อ่านสำนวน พวกภาษากฎหมายเตรียมตัวยังไง : พอเราอยู่ไปเรื่อย ๆ เราก็จะ blend in กับสำนักไป เหมือนว่านี่ได้จัดวาระการประชุมบ่อย ก็จะรู้ว่าต้องจัดอะไรยังไงให้ใครบ้าง
ช่วยเยอะอยู่ ถ้าไม่ทำกิจกรรมมาก็จะไม่รู้ว่าควรวางตัวยังไง พอทำกิจกรรมมาเยอะ เราก็จะรู้ว่าเราควรจะคุยกับคนยังไง จังหวะไหนเข้าไปถามได้หรือเข้าไปถามไม่ได้ งานที่กน.เคยทำ ทำฟอร์ม ลงไดรฟ์ก็ช่วยอยู่ เหมือนตอนไปสัมมนา เราก็ต้องไปทำฟอร์มหน้างาน
ค่าใช้จ่าย
มีบ้านอยู่ที่กรุงเทพฯ ก็เลยจะเสียแค่ค่าเดินทาง ค่าอาหาร วันนึงได้มา 300 บาท ก็เหลือใช้อยู่ เพราะ ข้าวที่ ก.พ. ไม่ได้แพงมาก ประมาณ 30 - 40 บาท ค่าเดินทางไปกลับก็ประมาณ 70 บาทต่อวัน อีกทั้งมีโรงอาหารเป็นของตัวเอง ปริมาณก็ให้เยอะ บริเวณรอบ ๆ ก็มีตลาด ถ้าไม่ชอบอาหารในโรงอาหารก็ออกไปกินได้
ถ้าไปข้างนอก จะมีรถตู้มารับที่สำนักงาน แต่บางคนไม่สะดวกมา ก.พ. ก่อน ก็มีไปที่โรงแรมเลยอันนี้ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง
เวลาทำงาน
เวลาทำงานของสำนักงาน ก.พ. นักศึกษาฝึกงานจะรู้กันว่าเข้างาน 8.30 น. แล้วก็เลิกงาน 16.30 น.
ประสบการณ์ในช่วงฝึกงาน
สำนักงานก.พ. ภาพรวมดีมาก คนข้างในดีมาก โดยเฉพาะสำนักนี่ คือนึกว่าจะมี gap อายุแบบห่างกัน เขาอายุเยอะกันแล้ว แบบว่า 40 ขึ้นก็มีเยอะแล้ว เลยกังวลว่าจะคุยกับเขาได้มั้ย จะคุยกับเขารู้เรื่องมั้ย แต่สรุป คือเขาใจดีมาก เขาพยายามชวนเราคุย ไม่หาเรื่องคุยที่ทำให้เรารู้สึกอึดอัด คุยด้วยแล้วสบายใจเหมือนคุยกับ เพื่อน แล้วเขาก็มีแบบเล่นมุกเล่นอะไรบ้าง ไม่ค่อย conservative ถึงจะเป็นสำนักกฎหมาย แต่ก็ต้องแต่งตัว สุภาพทางการ แต่งเป็นชุดนักศึกษาจะดีกว่า เพราะว่าเราต้องเจอพวกผู้บริหารของคณะกรรมการบริหารอะไรพวกนี้เยอะที่เขามาตัดสินคดี
ฝึกงานได้ประสบการณ์อะไรบ้าง
พี่ในสำนักดีมาก รู้สึกว่าหายเกร็ง การฝึกงานก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ไม่ได้ยากอย่างที่กังวลเอาไว้ ไปฝึกแล้วก็รู้ว่าไม่ชอบงานที่อยู่ในห้องที่ต้องทำอะไรเดิม ๆ ทุกวัน คือชอบงานที่แบบท้าทาย ได้ออกไปข้างนอก
อีกอย่างคือ soft skill เช่น การถ่ายเอกสาร ทำลายเอกสาร สแกนเอกสาร หรือจะใส่กระดาษเข้าไปในช่องปริ้น แต่ก่อนทำไม่เป็นเลย แต่พอไปฝึกงานได้สกิลนี้กลับมา
วิชาไหนที่เรียนมาถูกเอาไปใช้ประโยชน์ในการฝึกงานมากที่สุด
PA จะมีตัวบังคับอย่าง PO251 PO242 หรือ PO350 PO360 มันก็เป็นพื้นฐานที่ทำให้เราเรียนรู้ได้ส่วนนึงเป็นพื้นฐานมาก ๆ พื้นฐานการเงิน บริหาร HR แต่ก็ทำให้เรารู้ว่าองค์กรเป็นยังไงมากขึ้น
เวลาฝึกงาน เราก็จะรู้เลยว่าก็ไม่มีใครเรียนตรงสายมาขนาดนั้น เขาก็เริ่มใหม่กันหมด เลยไม่ได้มีวิชาไหนที่แนะนำขนาดนั้น ก็เรียนตัวพื้นฐานของคณะไปแล้วกัน หรือถ้าอยากได้อะไรหน่อย ก็มาลองเรียนวิชาเลือก PA มีหลายตัวที่น่าสนใจ
อยากแนะนำอะไรไหม
เวลาไปฝึกงานให้คุยกับคนเยอะ ๆ คุยกับพี่หรือเพื่อนที่ฝึกงานเยอะ ๆ ถ้าเริ่มแรกมีเพื่อนก็คุยกับเพื่อนก่อน แล้วค่อยไปคุยกับพวกพี่ ๆ ก็ได้ การคุยกับคนสำคัญมาก ถ้าไม่คุยจะทำงานยากไปเลย และข้อระวัง คือ คำพูด อะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด เรื่องเวลาก็สำคัญ ไปให้ตรงเวลา ออกให้ตรงเวลา
ขายของคนอื่นที่จะไปฝึกงานในปีต่อไปหน่อย
ถ้าใครอยากฝึกราชการ แนะนำสำนักงาน ก.พ.เลย มีครบทุกอย่าง อยากฝึกภาษาก็มาสำนักที่เกี่ยวกับต่างประเทศ หรืออยากทำกฎหมายก็มี อยากทำเกี่ยวกับคัดเลือกคนก็มี อยากคุยกับคนก็มี แล้วแต่เราเลย อยากเป็นแอดมินเฟซบุ๊กก็มี มีครบทุกอย่าง มาที่ ก.พ. ได้เลย คนในนี้ส่วนมากเป็นคนรุ่นใหม่เยอะ แล้วก็มีคน ที่มาใช้ทุนด้วย ความคิดแบบเด็กนอก ความคิดก้าวหน้า มันก็ดีต่อเราที่เราจะได้เรียนรู้งานจากเขา