สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
นายน์ ปี 4 คณะรัฐศาสตร์ สาขาบริหารรัฐกิจ
สำนักกรรมาธิการ 2 แผนกกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของ ประชาชน สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รัฐสภา
ตอนที่พี่หาแหล่งที่ฝึกงาน พี่คิดว่าอยากฝึกงานที่เป็นส่วนกลางอย่างพวกกระทรวง ที่คิดนะก็มี กระทรวง องค์กรอิสระ ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา จริงๆ พี่รู้สึกว่า พี่ฝึกที่ไหนก็ได้ แต่พี่รู้สึกว่าตอนนั้นมันใกล้ช่วงเลือกตั้งแล้ว มันจะพอดีกับที่เขาเริ่มประชุมสภา ก็เลยอยากไปเอาบรรยากาศ อยากไปฝึกงาน ลองดูว่าเขามี กระบวนการยังไง พี่ก็เลยเลือกที่สภา
พี่ก็โทรศัพท์หาเขา มีเบอร์ติดต่อเขาคือ 02-242-5900 ต่อ 5211 ตอนนั้นที่พี่ฝึกงานมันจะมีที่คณะ จัดหาให้กับที่เราจัดหาเอง ซึ่งสภาเนี่ยเราจัดหาเองเพราะคณะไม่มีโควต้าให้ก็เลยติดต่อส่วนตัวไป เขาก็จะบอก ว่าใช้อะไรในการสมัครบ้าง ส่งไปที่ไหน
เป็นสำนักของเขาเลย เป็นสำนักงานกลางที่คอยดูแลเรื่องคนเข้า-คนออก รับเด็กเข้าฝึกงานก็จะเป็นโดยเฉพาะของเขา ตอนที่พี่ติดต่อไป เขาก็รับนักศึกษาฝึกงานเรื่อย ๆ นะ ไม่มีจำกัดเวลา
เอกสารที่เขาให้ส่งก็จะมีเรซูเม่และรูปถ่ายครึ่งนิ้วสามรูป แล้วก็ตอนที่พี่สมัคร เขาขอใบรับรองผลฉีด วัคซีน 3 เข็มขึ้นไป ก็จะมีประมาณ 3 อย่างที่จะต้องส่งให้เขา ซึ่งจะส่งที่สำนักเองก็ได้ หรือจะส่งไปรษณีย์ก็ได้
จริง ๆ ทักษะของพี่ที่คิดว่ามีตอนฝึกงาน คืออันนี้ต้องพูดอย่างหนึ่งคือว่าตอนที่พี่ไปฝึกงานที่นั่น สภา ยังไม่เปิด เพิ่งเลือกตั้งเสร็จแต่ยังไม่ได้รับรอง ส.ส. ก็เลยเป็นช่องว่าง อันนี้ก็ต้องบอกตรง ๆ เพราะว่า timing มันผิดจังหวะไปนิดนึง
แต่พี่คิดว่าสิ่งที่เราควรมีตอนฝึกงานคือความตื่นตัว เพราะว่าเรานั่งอยู่เฉย ๆ ก็จริง แต่ถ้าเขาเรียกให้ไปช่วยงาน ไปทำงาน เราก็ต้องรีบไป คือมีเรื่องทักษะความตื่นตัว การสื่อสารระหว่างกัน เพราะว่าเราก็ต้องคุยกับพี่ที่อยู่ในสำนัก พี่ที่อยู่ในฝ่าย อะไรควรทำยังไง ถ้าอันไหนไม่รู้ เราก็ควรถามเขาเพราะว่าเราก็มาใหม่ ไม่ใช่ว่าเราไปทำเองโดยพลการ เพราะมันอาจจะผิดพลาดได้ ที่เน้นหลัก ๆ ก็คือการสื่อสารแล้วก็ความตื่นตัวในการทํางาน
พี่อยู่สำนักกรรมาธิการ 2 แผนกกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน คือแผนกกรรมาธิการก็ยังไม่ได้แต่งตั้งเพราะสภายังไม่เปิด มันก็เลยยังไม่ได้มีแบบว่าเข้าไปประชุมกรรมาธิการ แต่ก็จะมีเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เราทำก็คือ ให้เราเข้าไปอมรมเตรียมความพร้อมต้อนรับสภาชุดใหม่ เข้าไปนั่งประชุมเกี่ยวกับการจัดการภายใน Knowledge Management ของสำนักพี่ ก็คือเข้าไปประชุมเป็นการประชุมภายใน แล้วก็จะมีกิจกรรม จะมีบางกิจกรรมจัดขึ้น ก่อนที่มีสภาเกิดขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นกิจกรรมเตรียมความพร้อมการเปิดสภา การเปิดประชุมอะไรแบบนี้ มากกว่า ซึ่งพี่ก็เข้าไปนั่งฟังแล้วก็ดูเขา จริง ๆ มี role play (แสดงบทบาทสมมติ) ด้วยนะ มีแบบสวมบทบาท สมมติว่าเปิดประชุมมา ขั้นตอนเป็นยังไง ทำอะไรบ้าง
แล้วเขาก็มอบหมายให้พี่ทำรายงานหนึ่งเล่มเพื่อนำไปเสนอ และเพื่อไปเป็นข้อมูลนำเสนอต่อ คณะกรรมาธิการที่จะมาต่อไป หลัก ๆ ก็จะมีแค่นี้ งานที่พี่คิดว่าหนักก็แค่มีรายงานอันเดียว
อย่างแรกได้ประสบการณ์แน่นอน ในการพบเจอ สส. หรือว่า ส.ว. บางคน คือช่วงที่พี่ฝึก ก็จะมีช่วงที่เขาเข้าไปรายงานตัว ก็จะมีการจัดนิทรรศการเพื่อต้อนรับ ส.ส. ใหม่ พี่ก็ลงไปเจอเขา ลงไปเจอนักการเมืองหลาย ๆ คนเลยที่เรารู้จักกัน ไปถ่ายรูป ไปพูดคุยกับเขา พี่ก็รู้สึกว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี แล้วก็จะมีช่วงหนึ่งที่เป็นประสบการณ์นอกสภา พี่ไปเจอกลุ่มนักเคลื่อนไหวการชุมนุมหน้าสภา พี่ก็ลงไปดู บรรยากาศ ไปดูว่าเขาเคลื่อนไหวอะไรบ้าง มีประเด็นอะไรบ้าง
ประสบการณ์หลัก ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการทำงานในสภามากกว่า เรื่องในสภาก็คือจะได้รู้ว่าขั้นตอนในสภาเขาทำอะไรกันบ้าง ถึงแม้พี่จะอยู่ในกรรมาธิการ แต่พี่ก็ศึกษาหลาย ๆ ฝ่าย พี่ก็ไปศึกษาซึ่งเขาก็มีรายงานมาให้ศึกษาด้วยว่ากรรมาธิการชุดนี้ทำอะไรไปบ้างแล้ว
ถ้าสมมติพี่เข้าไปฝึกในช่วงที่เขามีประชุมกรรมาธิการจริง ๆ พี่ก็จะได้ประสบการณ์อีกเยอะกว่านี้แต่อันนี้ timing มันไม่ค่อยได้ ก็เลยจะได้ประสบการณ์ที่เราคุ้นเคย ก็คือเราอาจจะนั่งทำรายงานเพื่อนำเสนอต่อกรรมาธิการ นั่งทำรายงานส่งไปให้พี่เจ้าหน้าที่ดูเพื่อตรวจและก็เก็บไว้เป็นข้อมูล หลัก ๆ ก็มีแค่นี้
พี่เลี้ยงดี เขาก็เลือกพี่เลี้ยงที่เป็นคนที่ใกล้ชิดกับสถาบันเราที่สุด ซึ่งพี่เลี้ยงเราก็เรียนอยู่ธรรมศาสตร์เหมือนกัน แต่เขาเรียนอยู่นิติ เป็นนิติกร เขาเรียนอยู่ธรรมศาสตร์แต่เขาอยู่ศูนย์ลำปาง บางครั้งก็มีที่พี่เลี้ยงมาปรึกษานะ เพราะเขาจะต่อปริญญาโทที่คณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เขาก็เลยจะมีมาถามพี่เหมือนกัน ซึ่งเราว่า พี่เลี้ยงก็เป็นกันเองดี เพราะอายุก็ไม่ได้ห่างกันมาก
วัฒนธรรมองค์กรพี่ว่าก็เหมือนราชการทั่วไป เซ็นเอกสาร ทำเอกสาร แล้วก็จัดใส่แฟ้ม แต่จะเป็นราชการที่มีความคล่องตัวมากกว่าเพราะว่าเขาจะต้องทำงานกับนักการเมืองเลยต้องมีความไว ซึ่งเป็นสิ่งที่พี่คิดอยู่ว่าถ้าเราไปทำงานตอนสภามันเปิด การทำงานมันก็ต้องไว โดยรวมคือมันเป็นราชการแหละ แต่เป็นราชการที่คล่องตัวมากขึ้น อันนี้จากสิ่งที่พี่เห็น แม้ว่าสภายังไม่เปิดก็ตาม
สกิลที่คิดว่าจะได้ใช้ที่นี่คิดว่าทักษะในการอ่านและสรุป แบบที่เด็กรัฐศาสตร์เขาชอบทำ คืออ่านแล้วก็สรุปความเพราะว่าที่พี่ฝึกงานจะเป็นประเภทแบบเลขานุการของคณะกรรมาธิการ เลขานุการก็ต้องจดรายงานทำบันทึกการประชุม ต้องจับใจความ ฟังทั้งหมดที่เขาพูดกันในที่ประชุมแล้วก็มาเขียนเป็นรายงานว่า วาระนี้ใครพูดอะไรบ้าง วาระนี้ใครมาบ้าง ประชุมครั้งนี้ใครมา ใครขาด ใครร่วม แล้วก็เนื้อหาในการประชุมมีอะไรบ้าง ประมาณนั้น อย่างแรกคือเนื้อหาในการจับใจความ การฟังและสรุป
ทักษะอีกอย่าง คือ การสื่อสารภายในองค์กร อันนี้สำคัญเพราะว่ามันจะทำให้แต่ละฝ่ายแต่ละสำนักเขาเข้าถึงกันได้ทั้งหมด ไม่ใช่แบบว่าฝ่ายนี้ก็กลุ่มหนึ่ง สำนักก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง แผนกนี้ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง การสื่อสารภายในองค์กรก็สำคัญมากเหมือนกัน
แล้วก็เรื่องของการปรับตัว ข้าราชการสภาก็ต้องปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง จริง ๆ พี่คิดว่าทักษะนี้ใช้ได้กับทุกที่ไม่ว่ารัฐหรือเอกชน
แนะนำตัววิชา PO ที่เกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ PO251 PO357 PO453 วิชาพวกนี้เขาก็จะสอนให้เรามีทักษะต่าง ๆ ในการทำงานในภาครัฐ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาคนทำงานให้เข้ากับยุคสมัย ซึ่งอาจารย์เหมียวสอนทั้ง 3 วิชาเลย พี่คิดว่าตรงนี้ก็เป็นหนึ่งในวิชาที่สามารถใช้ได้โดยเฉพาะเรื่องของทักษะในการทำงานอย่างมีความสุข (Happy workplace skills ส่วนตัวอื่น ๆ ก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับระบบข้าราชการ เรื่องเกี่ยวกับการเมืองทั่วไป PO211 ที่เกี่ยวกับระบบรัฐสภา พี่ก็คิดว่าเป็นสิ่งที่เราควรรู้นิดนึงก่อนจะเข้าไปทำงานรัฐสภาว่าระบบของบ้านเราเป็นอย่างไรและทำงานอย่างไร รู้พื้นฐานโครงสร้างสภาบ้านเราไว้หน่อยก็ดี พอเข้าไปเราจะไม่สงสัย ไม่งงว่าเราจะต้องเข้าไปทำงานอะไร
มันจะมีหอพักที่อยู่ตรงข้ามจากสภาคือเดินไปได้เลย เดินข้ามถนนไปนิดนึงก็เข้าสภาได้ แต่ว่าค่าที่พักที่พี่อยู่ตอนนั้นจะประมาณ 7,500 บาทต่อเดือน ไม่รวมค่าน้ำ ค่าไฟ แล้วก็ค่าอื่น ๆ ถ้าพี่แนะนำก็ให้หาเพื่อนไปหารค่าห้องด้วยเพราะกรุงเทพฯ ค่าครองชีพมันก็แพง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าสวัสดิการอื่น ๆ ปรึกษาเพื่อนหน่อยก็ดี ถ้าอยู่รวมกันตัวหารก็เยอะขึ้น
เรื่องการเดินทางไม่มีปัญหา ยกเว้นว่าถ้าอยากจะไปข้างนอกจริง ๆ แบบไปเที่ยว มันก็จะมีรถเมล์ผ่าน หรือไม่ก็นั่งรถไปอีกนิดก็จะเจอรถไฟฟ้า mrt ก็จะไปไหนก็ได้ ของพี่อยู่สภาตรงเกียกกาย ข้ามสะพานไปนิดนึงก็จะเจอ mrt จะไปต่อเที่ยวตรงไหนก็ได้ ถ้ามีรถเมล์ผ่านก็นั่งจากหน้าสภาไปสยามก็ยังได้ อันนี้คือถ้าเราอยากไปเที่ยวนะ หลัก ๆ ค่าใช้จ่ายที่เตรียมไปก็เทียบเท่ากับเงินเดือนขั้นต่ำของปริญญาตรีคือ 15,000 บาท
ช่วย ของที่คณะอบรมให้ ก็มี Excel และทำหนังสือราชการ หนังสือราชการเนี่ย เขาบังคับให้เข้าทุกคนอยู่แล้ว แต่พี่ว่ามันเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถเอาไปใช้ในการฝึกงานได้เพราะว่าบางครั้งพี่ ๆ เขาอาจจะมามอบหมายให้เราจัดทำเอกสาร
อย่างเพื่อนพี่ที่ไปฝึกทำเนียบ สำนักงานเลขาฯ คณะรัฐมนตรี เขาก็ต้องจัดทำเอกสารเพื่อให้กับทีมงานเอกสารราชการ ทำหนังสืออะไรอย่างงี้ได้ใช้จริงอยู่แล้ว ส่วน Excel ก็แล้วแต่ว่าฝึกงานที่ไหน คือถ้าไปฝึกสายงานที่เป็นพวก data จัดทำข้อมูล อาจจะได้ใช้ แต่พี่ว่าหนังสือราชการถึงเราไม่ได้มอบหมายให้ทำอะไร แต่พี่ว่าเรารู้หน่อยก็ดี
อีกอย่างหนึ่งพี่ก็คิดว่าการ presentation เรื่อง Canva หรือ PowerPoint โดยเฉพาะ Canva ควรมีหน่อย เพราะอาจได้รับมอบหมายให้ช่วยเตรียมการนำเสนองาน
ตามเวลาราชการ ก็คือเข้า 8:30 โดยประมาณ เลิก 4 โมงแล้วแต่วัน วันที่มีการประชุมสภาก็อาจจะเลิกตามประชุมจริง 2 ทุ่ม 3 ทุ่ม ล่วงเวลาไปบางครั้ง และอาจต้องเตรียมวางแผนการเดินทางในกรณีมีเหตุการณ์พิเศษ เช่น การชุมนุมหน้ารัฐสภา
พี่คิดว่าในอนาคตพี่ก็เล็งที่นี่ไว้ที่นึงเหมือนกัน แต่ว่าก็ไม่ใช่ที่เดียวหรอก มีอีกหลายที่อย่างกระทรวง กรม รัฐวิสาหกิจ หรือไม่ก็เอกชน พี่ก็มองหลาย ๆ ตัวเลือกซึ่งไม่ใช่ที่นี่ที่เดียว แต่พี่ก็รู้แนวทางแล้ว เพราะว่าเขาก็มาไกด์แนวทาง ถ้าจะเข้าทำงานที่นี่จะต้องผ่านอะไรบ้าง ต้องผ่าน ก.พ. ผ่านโปร พี่ก็มองหลาย ๆ ที่ซึ่งงานนี้ก็น่าสนใจดีเหมือนกัน